TISCO กำไรปี 64 ที่ 6.78 พันล้าน โต 11.8% ธุรกิจตลาดทุนหนุน-สำรอง ECL ลดลง

0 Comments

“ทิสโก้ไฟแนนเชียล”กำไรปี64 ที่ 6,781.47 ล้าน เพิ่มขึ้น 11.8% จากปีก่อน รับแรงหนุนธุรกิจตลาดทุน ค่าฟีขายกองทุน กำไรจากเงินลงทุนซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้ สำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง ส่วนไตรมาส4/64 มีกำไรเพิ่มขึ้น 14.8% จากไตรมาสก่อนหน้า รับอานิสงส์คลายล็อกดาวน์

บริษัท ทิสโก้ ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า กำไรสุทธิสำหรับผลประกอบการงวดปี 2564 ของบริษัทมีจำนวน 6,781.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 717.99 ล้านบาท หรือ 11.8% จากปี 2563

สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจตลาดทุน โดยเฉพาะธุรกิจจัดการกองทุน การรับรู้กำไรจากเงินลงทุน และสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL ) ที่ลดลง โดยในปี 2564

บริษัทมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยขยายตัว 9.7% จากปีก่อนหน้า เป็นรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจจัดการกองทุนเพิ่มขึ้น46.2% ซึ่งมาจากการออกกองทุนใหม่ที่ได้รับการตอบรับที่ดี ประกอบกับคำาธรรมเนียมตามผลประกอบการ (Performance Fee) ที่รับรู้ในไตรมาส 4

 

อีกทั้ง รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 8.1% ตามปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังรับรู้กำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลคำยุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) ที่เพิ่มขึ้น

ในส่วนของค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ชะลอตัวลง ได้รับผลกระทบจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงจากมาตรการปิดเมืองในระหว่างปี และผลจากการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์การปรับลดเพดานอัตราค่าธรรมเนียมของทางการ

สำหรับผลประกอบการของบริษัทงวดไตรมาส 4 ปี 2564 กำไรสุทธิในส่วนของบริษัทมีจำนวน 1,791.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ค่าธรรมเนียมตามผลประกอบการของธุรกิจจัดการกองทุน (Performance Fee) ที่เกิดขึ้นในตรมาส 4 ในขณะเดียวกัน ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ปรับตัวดีขึ้นจากธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่ฟื้นตัวหลังจากคลายล็อกดาวน์

ในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 0.5 % จากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่0.8% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย โดยแม้ว่าสินเชื่อที่ด้อยค่าทางเครดิต (NPLs) จะลดลง แต่บริษัทยังคงตั้งสำรองเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในช่วงสิ้นปี